หลักรัก ตอนที่ ๓ - พระอาจารย์ชยสาโร


หลักรัก ตอนที่ ๓

ความรักที่ปุถุชนสนใจมากที่สุดน่าจะเป็น ความรักโรแมนติกเกือบทุกคนหวังว่าจะมีโชคดีเจอ เนื้อคู่ หรือคู่ชีวิตที่ดีแล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตลอดกาลนาน การรักใครสักคนอย่างแท้จริง และ เป็นที่รักแท้จริงของคนนั้น นั่นแหละคือความฝันยอดนิยมของมนุษย์

อย่างไรก็ตาม การอยากรักและเป็นที่รักในลักษณะนี้มักพัวพันกับกิเลส เช่น ความหลงและความใคร่ในกาม เป็นต้น จึงจำเป็นมากที่เราจะต้องเรียนรู้ให้ดี เพื่อจะไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะรักหรือเพราะเป็นที่รักจนเกินไป

กวีชอบยกย่องความรักว่าเป็นประสบการณ์ สุดยอดของชีวิต นักวิทยาศาสตร์บางท่านอาจมอง ว่าความรักเป็นแค่ผลของสารเคมีที่มีหน้าที่กระตุ้นให้มนุษย์สืบพันธุ์เท่านั้น อะไรเกิดก่อน ไก่หรือไข่ไก่ นามธรรมหรือรูปธรรม เรื่องแบบนี้เขาเถียงกันนาน แล้วไม่มีที่จบสิ้น

ปัญหาที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ เราควร ปฏิบัติต่อความรักอย่างไรจึงจะได้ประโยชน์มากที่สุด การแสวงหาคำตอบต่อปัญหานี้เริ่มต้นด้วยการสังเกตจากชีวิตของตัวเอง จากชีวิตคนรอบข้างจากชีวิตคนทั่วไป ว่าคนเรามองความรักอย่างไร

อะไรคือเสน่ห์ของความรัก ในช่วงแรกรักมัน เป็นยาแก้ความเซ็งความเบื่อหน่ายชีวิตที่ดี สำหรับ ผู้ที่รู้สึกว่าชีวิตจืดชืดไม่มีอะไรน่าสนใจ มีแต่เรื่อง ตรากตรำหรือว่างเปล่าเท่านั้น หรือรู้สึกว่าตัวเองเคว้งคว้างไม่รู้อยู่เพื่ออะไร ความรักสามารถสร้างความตื่นเต้น และความหมาย

ความรักในเบื้องต้น เป็นความเมาหรือความไม่สงบที่คนเราไม่รังเกียจ อารมณ์ขึ้นลงอย่างรุนแรง ขึ้นสวรรค์ ตกนรกบ่อยๆ ทำให้คนที่มีความรักรู้สึกคึกคัก มีชีวิตชีวา

เครื่องล่อของความรักยังมีอีกเยอะ สำหรับคู่ที่ ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว สูงขึ้นไปจากความสามารถตอบ สนองความต้องการทางเพศแล้ว ความมั่นใจว่าเรา เป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลกของอีกคนหนึ่งทำให้รู้สึก อบอุ่น พ้นจากความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว การมีใครสักคนหนึ่ง ที่เราเป็นตัวของเราได้โดยไม่ต้องเสแสร้ง หรือปิดบังอำพรางแม้แต่น้อยเป็นความสบายใจ การแน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนที่เรารักจะไม่ทิ้งเราจะช่วยรับมือกับปัญหาทุกประการด้วยความเห็นใจ และสงสาร จะให้กำลังใจเวลาเราท้อแท้และ เหน็ดเหนื่อย ชื่นชมอย่างจริงใจ และพลอยยินดีใน ความดีของเรา อย่างนี้ย่อมมีความสุขแน่

นอกจากนั้น ถ้าคู่ครองเป็นคนเก่งประสบความสำเร็จ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปและคนรอบข้าง เราก็ภูมิใจ ทั้งหมดนี้เป็นเสน่ห์ของความรัก

ข้อดีของความรักมีตั้งหลายข้อ อาตมาบรรยายคงไม่ครบ เพราะเขียนตามหลักปริยัติ ไม่มีภาคปฏิบัติรองรับ ผู้อ่านคงต้องเติมส่วนที่ขาดไปเอา เอง อย่างไรก็ตาม พิจารณาเรื่องอานิสงส์ของความรักแล้ว ขอให้น้อมเข้ามาสู่ใจตนด้วย

คือเมื่อเรากำหนดข้อดีหรือคุณประโยชน์ต่าง ๆ ของความรักได้แล้ว รวบรวมสิ่งที่ตัวเองได้หรืออยากได้จากความรัก เราควรถามตัวเองต่อไปว่า เราให้สิ่งเหล่านี้แก่คนรักของเรามากน้อยแค่ไหน ส่วนใดที่ยังบกพร่องอยู่ก็ พยายามปรับปรุงแก้ไข

สิ่งที่ควรให้คนที่เรารักมีอะไรบ้าง ความชื่นใจ ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ กำลังใจ ความเคารพนับถือ ความเกรงใจ ความไว้วางใจ ความอดทนและให้อภัย ความเป็นเพื่อนและที่ปรึกษาที่ดีที่สุด เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน ถ้าเราต้องการสิ่งเหล่านี้จากคู่รักต้องให้เขาทราบด้วย อย่าพึงประมาท นึกว่าเขาควรจะต้องรู้เองโดยไม่น่าจะต้องบอก เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่คนเราน่าจะรู้เป็นสามัญสำนึกกลับไม่รู้เสียเลย หรือเคยรู้แล้วลืม การสื่อสารให้ชัดให้ครบน่าจะเป็นหน้าที่ของคนรักกันและน่าจะนำไปสู่ความสุขมากกว่าการค่อนแคะหรือ ถากถางเพราะน้อยใจ ไม่อย่างนั้นแล้ว นอกจาก การจู๋จี๋หายไป ยังอาจเหลือแต่การจู้จี้

ความรักระหว่างคนสองคนเป็นความรักประเภทที่สังคมให้ความสนใจมากทีเดียว หนัง ละคร นวนิยาย นิทาน ภาพโฆษณารอบตัว ล้วนแต่ชวนให้เข้าใจว่าความรักแบบนี้แหล่ะ คือสุดยอดของชีวิต ชีวิตใครไม่มีก็ไม่สมบูรณ์ น่าเศร้า

อย่างไรก็ตาม ถ้าใครยอมหยุดพัก คิดไตร่ตรองสักหน่อยหนึ่ง น่าจะเห็นได้ว่า ความรักโรแมนติกในชีวิตของตน ถึงจะเทียบกับความรักในนวนิยายได้ก็ตาม ยัง ไม่ใช่ยาแก้สารพัดโรค ความรักบรรเทาความทุกข์ได้ บางประการในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถดับความทุกข์โดยสิ้นเชิงได้จะรักใครสุดหัวใจจนดินฟ้าสลาย หรือนานกว่านั้นอีก ยังไม่พอ ถ้าเข้าใจอย่างนี้แล้วจะเห็นว่าการแต่งงานกับคนต่างศาสนา และยอมเปลี่ยนศาสนาตามสามีหรือภรรยา เป็นการเสียสละ หรือการเบียดเบียนตัวเองขนาดไหน ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเหมือนที่ชาวพุทธหลายคนจะพึงคิดกัน

หนุ่มสาวชอบมองความรักว่าเป็นคำตอบปัญหาชีวิตทุกอย่าง แค่รักและเป็นที่รักอย่างเดียว แล้วในที่สุดทุกอย่างจะดีไปเอง แต่ในชีวิตจริงสิ่งที่กำหนดความสุขในระยะยาวคือ การกระทำทางกาย วาจา ใจ ไม่ใช่ความรัก การถือความรักเป็นที่พึ่งของผู้ที่ยังเฉยเมยต่อการฝึกตน ย่อมก่อให้เกิดความผิดหวังและความซึมเศร้าหรือระทมขมขื่นในที่สุด

ภาพงานอาจริยบูชา หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี 2560 โดยครูประเดิม บรรลือ

หลักรัก ตอนที่ ๓

ที่มา